8 กรกฎาคม 2552

กระบวนทรรศน์ด้านปรัชญาในมุมมองโหราศาสตร์

กระบวนทรรศน์ด้านปรัชญาในมุมของโหราศาสตร์
นับเป็นความจริงที่ว่าการเชื่อมโยงดวงดาวเข้ากับชีวิตของมนุษย์ในวิชาโหราศาสตร์นั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ชัดเจน
มีคำถามเกิดขึ้นว่า ถ้าโหราศาสตร์สามารถดูอนาคตได้จริง ชีวิตเราจะมีเสรีภาพหรือไม่หรือเราถูกกำหนดมาให้เป็นแบบนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
o ปัญหาเรื่องจักรวาลวิทยา (แนวคิดและทฤษฎีว่าด้วยการแสวงหาความจริงเกี่ยวกับโลกและจักรวาลในมิติต่างๆ ) คือปัจจุบันความก้าวหน้าเรื่องดาราศาตร์ไปไกลกว่าเดิมมากนัก แต่ในโหราศาสตร์ยังคงใช้หลักการของปโตเลมีอยู่ กล่าวคือใช้ระบบจักรวาลที่มีโลกเป็นศูนย์กลาง และบางระบบก็ใช้ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง (เป็นส่วนน้อย)
ปัจจุบันมีการใช้ดาวดวงใหม่ๆ ที่ค้นพบมาร่วมทำนายด้วยในบางศาสตร์พยากรณ์


ปัญหาเรื่องการทำนายอนาคต
เวลามีอยู่จริงและเป็นอิสระจากสิ่งต่างๆ ในเอกภพ
เวลาเป็นเพียงชื่อที่เราสมมติขึ้นสำหรับความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ
การเดินทางไปอนาคตนั้นเป็นไปได้แต่เวลาเดินทางทิศทางเดียว เราไม่สามารถไปแอบดูอนาคตแล้วเดินทางย้อนกลับมาอดีตได้อีก เมื่อไปถึงอนาคต อดีตก็หายไป กล่าวได้ว่ามีเพียงเวลาปัจจุบันเท่านั้นที่เลื่อนไหลไป
สตีเฟนฮอว์กิง กล่าวว่าการเดินทางมาอดีตเป็นไปไม่ได้เพราะมันเกิดแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เหมือนที่เราไม่เคยเห็นแก้วแตกแล้วกลับมาต่อได้อีก ตามกฎข้อสองของเทอร์โมไดนามิค คือความไร้ระเบียบจะเพิ่มขึ้นตามเวลาเสมอ
เวลาในวิทยาศาสตร์จึงเหมือนกับศาสนาพุทธคือ เป็นเพียงสิ่งสมมติ
โหราศาสตร์สามารถบอกอนาคตได้ มิใช่เป็นการรู้เหตุการณ์ในอนาคต เพราะอนาคตยังไม่มี เป็นเพียงการทำนายผลที่จะเกิดจากเหตุที่รู้ ยิ่งรู้เหตุและปัจจัยแวดล้อมมากเพียงใดก็จะได้ผลใกล้เคียงมากเท่านั้น เหมือนนักเศรษฐศาสตร์ นักพยากรณ์อากาศ ซึ่งมีผิดมีถูก



o ปัญหาเรื่องเจตจำนงเสรีกับนิยัตินิยม
ความเชื่อที่ว่าโหราศาสตร์ทำนายอนาคตได้แล้ว เรายังมีสิทธิเลือกกระทำอยู่หรือไม่
พฤติกรรมมนุษย์ดำเนินไปตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ แม้จะมีสิทธิเลือกแต่ก็ยังคงอยู่ในกฎนี้
ความมุ่งหมายของมนุษย์จึงถูกกำหนดตายตัวจาก ความมุ่งหมายในอดีต อุปนิสัย ความโน้มเอียง ความเคยชิน การศึกษาอบรม ธรรมเนียมประเพณี มนุษย์สามารถทำนายอนาคตได้โดยดูสิ่งเหล่านี้ ยิ่งพิจารณาละเอียดยิ่งเห็นชัดเจน
ระบบนิยัตินิยมเชื่อว่า ความรู้สึกว่ามีเสรีภาพนั้นเป็นความเข้าใจผิด เพราะไม่มีอะไรในจักรวาลมีอิสรภาพ การเข้าใจผิดคิดว่ามีอิสรภาพนั้น เพราะไม่เข้าใจสาเหตุอันเป็นตัวการกำหนดพฤติกรรมของตนเอง
ไม่มีสิ่งใดปฏิเศษแรงผลักดันของสิ่งแวดล้อมได้ ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกฎธรรมชาติ คือ การถูกกำหนดโดยสิ่งอื่น
ในตะวันตกค่อนข้างเชื่อในเรื่องเจตจำนงเสรี ว่ามนุษย์ยังคงมีสิทธิเลือก แต่สิ่งที่เราควรยึดถือคือทางสายกลางตามหลักศาสนาพุทธ เรารู้ว่าอนาคตเกิดจากอดีต เราทำนายอนาคตได้จากอดีต เพราะฉะนั้นเราก็จัดการปัจจุบันให้ดีเพื่อที่อนาคตจะได้รับผลที่เกิดตามกฎธรรมชาติที่ว่า ผลของสิ่งหนึ่งก็ย่อมเกิดจากเหตุสิ่งหนึ่งเสมอ
เราไม่สามารถคาดหวังผลตอบแทนที่ดีทันทีทันใด จากการกระทำที่เราเพิ่งเริ่มทำ และอย่าลืมว่ายังมีปัจจัยเรื่องอุปนิสัย จิตใต้สำนึก ความรู้ การศึกษา สภาพแวดล้อม ที่เราอาจรู้แต่ยากที่จะควบคุมเปลียนแปลงมันอย่างทันทีทันใด
คนเรานั้นสามารถทำอะไรได้ตามที่เขามุ่งมาดปราภถนา แต่เขาไม่สามารถมุ่งมาดปราถนาได้ตามที่เขามุ่งมาดปราภถนา
ดวงดาวเป็นเพียงเครื่องบอกแนวโน้ม แต่ไม่ได้ควบคุมบังคับให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ
เมื่อความรับรู้หรือประสบการณ์ของเราไม่สามารถอธิบายสิ่งนี้ได้ คำถามก็คือเราควรหรือไม่ที่จะปฏิเศษว่าไม่มี


o โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาอำนาจลึกลับที่ผลักดันจิตใจของมนุษย์แต่ละคน หรือศึกษาถึงสภาพจิตใจว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เขามีความรู้สึกนึกคิด มีนิสัยสันดาน และโดยความรู้สึกและนิสัยนี้เขาจะแสดงออกมาโดยการกระทำลักษณะใด เป็นผลเสียหรือดีอย่างไร
เมื่อเราทราบความเป็นไปของชีวิต จะช่วยให้เรามีความมั่นใจและอิสระมากขึ้น เพราะเมื่อพบสิ่งคาดไม่ถึงมากระตุ้นชีวิต เมื่อเรารู้ล่วงหน้าเราก็พร้อมรับมือด้วยสติ





สรุปจากหนังสือคิดใหม่ โหราศาสตร์หลังนวยุค (กันยาวีร์ สัทธาพงษ์)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น