S.U.M.O.
ปรัชญาซูโม่ คู่มือการใช้ชีวิตให้รื่นรมย์และรุ่งโรจน์
S.U.M.O. = SHUT UP ,
MOVE ON หยุด มอง ฟัง
และก้าวต่อไป
1. การแสดงความรับผิดชอบต่อชีวิตของเรา @ เปลี่ยนเสื้อยืดของคุณ
-
ประเมินรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ผ่านมาด้วย
3 คำถาม
1.
ใครคือบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในชีวิตของคุณ
2.
ปัจจุบัน
ใครควรได้รับเครดิตมากที่สุดในการค้นพบตัวเองในชีวิตของคุณ
3.
คุณมักปฏิบัติตามคำแนะนำ
และความความคิดเห็นของใครมากที่สุด
-
ตัวคุณเองไงล่ะ
-
เพราะอย่างนี้คุณคือคนที่ต้องรับผิดชอบตัวคุณเอง
-
คนสำคัญที่สุดที่คุณเคยคุยด้วย คือตัวคุณเอง
-
คนทีมักกล่าวโทษผู้อื่น
มักจะสวมเสื้อยืดที่เขียนว่า “เหยื่อ”
-
วิกฤตการณ์กล่าวโทษผู้อื่น (BLAME SOMEONE ELSE ;
BSE)
- คุณใส่เสื้อยืดเหยื่อเพราะ
1.
คุณรู้สึกว่าไม่มีทางเลือกอื่น
2.
มีการยอมรับนับถือตนเองในระดับต่ำ มีภาพลักษณ์ไม่ดีเกี่ยวกับตนเอง
3.
มันเป็นนิสัย
4.
รู้สึกดีที่ได้สวมใส่มัน เพราะเป็นข้ออ้างที่ดี
ไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบ
- วิธีการเปลี่ยนเสื้อยืด
+
ปิดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ แล้วควบคุมชีวิตของคุณด้วยตัวคุณเอง
+ คุณอาจเคยเป็นเหยื่อ
แต่ตอนนี้คุณต้องเป็นผู้รอดชีวิตให้ได้
+ ระมัดระวังภาษาที่คุณใช้
2. การควบคุมความคิดของเรา @ พัฒนาวิธีการคิดเชิงบวก
-
การตระหนักถึงวิธีการคิดของเราเป็นวิธีการที่มีพลังมากที่สุดในการควบคุมชีวิตของเราเอง
- สิ่งที่มีผลกระทบต่อความคิดของคุณ
1.
ภูมิหลังของคุณ
2.
ประสบการณ์ในอดีต
3.
ผู้คนที่อยู่รอบตัวของคุณ
4.
สื่อต่างๆ
-
วิธีการคิดแบบผิดพลาด 4 ประเภท
1.
นักวิจารณ์ภายใน
2.
การเก็บสถิติข้อผิดพลาด
3.
อาการของผู้เสียสละ
4.
การคิดเล็กคิดน้อย
-
วิธีการใช้สมอง มีสามประเภท คือ สมองส่วนเหตุผล
ส่วนอารมณ์ , ส่วนพื้นฐาน
-
ต้องพยายามฝึกใช้สมองส่วนเหตุผล
นั่นคือการถามคำถามกับตัวเอง คำถามที่ดีและถูกต้องด้วย
-
ระบบกระตุ้นร่างแห = ทำหน้าที่กลั่นกรอง
เพื่อช่วยให้คุณสังเกตข้อมูลที่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณสนใจ
-
หากคิดแต่ข้อผิดพลาด สิ่งไม่ดี
ระบบก็จะกลั่นกรองเรื่องราวต่างๆ ให้คุณเห็นแต่สิ่งนั้นๆ
-
คำถาม 7 ข้อ เพื่อการก้าวต่อไป
1.
ประเด็นนี้มีความสำคัญเท่าไหร่จากคะแนนเต็มสิบ
2.
ประเด็นนี้จะมีความสำคัญอย่างไรในอีก 6
เดือนข้างหน้า
3.
ปฏิกิริยาของฉันเป็นไปอย่างเหมาะสม
และมีประสิทธิผลหรือไม่
4.
จะควบคุมหรือพัฒนาสถานการณ์นี้ได้อย่างไร
5.
สามารถเรียนรู้อะไรจากสถานการณ์ดังกล่าวได้บ้าง
6.
สามารถทำอะไรที่แตกต่างออกไปในครั้งหน้าได้บ้าง
7.
มองเห็นอะไรที่เป็นข้อดีจากเรื่องนี้บ้าง
3.ทำความเข้าใจผลกระทบจากความล้มเหลว และฟื้นฟูตัวเองจากผลดังกล่าว(ช่วงเวลาฮิบโป)
-
บางครั้งก่อนเราจะ SUMO เราก็ต้องการเวลาพักสักนิด
เหมือนฮิบโปนอนในโคลน
-
ช่วงเวลาฮิบโปเป็นสิ่งที่มีประโยชน์
แต่ไม่ก่อให้เกิดประสิทธิผลแต่อย่างใด
ข้อแนะนำสามประการสำหรับช่วงฮิบโป
1.
จงระมัดระวังบุคคลที่คุณกำลังคุยด้วย
(มันอาจทำให้คุณแย่ลงได้)
2.
จงระมัดระวังจำนวนคนที่คุณพูดคุยด้วย
(อย่ามากไป มันเป็นการตอกย้ำและทำให้คุณดูน่าเบื่อด้วย)
3.
จงระมัดระวังอย่างจมอยู่ในช่วงเวลาฮิบโปนานเกินไป
(มันทำให้คุณก้าวไปได้ยาก
วิธีการช่วย คนที่กำลังอยู่ในช่วงฮิบโป
อย่าแกล้งทำเป็นฟัง ต้องเอาใจใส่อย่างเต็มที่
อย่าบอกว่า “เรื่องแบบนี้เคยเกิดกับฉันมาก่อน”
, “ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร”
อย่าบุกรุกช่วงเวลาฮิบโปของคนอื่น
เพื่อนำมาเป็นของตัวเอง (อย่าเล่าเรื่องของตัวเองแทน)
อย่าบอกว่า “มันแย่มาก” เลือกประโยคให้เหมาะสม
ปล่อยให้เขาได้ระบาย ร้องไห้บ้างถ้าจำเป็น
บางครั้งให้อยู่คนเดียวบ้าง
4. การเพิ่มระดับความเข้าใจ
และตระหนักต่อโลกของผู้อื่น @
นึกถึงลูกบอลชายหาดอยู่เสมอ
-
คนเรามักมองต่างมุม เห็นต่างกันเสมอ จงระลึกเอาไว้
-
เรื่องต่างๆ มีสองด้าน หรือมากกว่าเสมอ
- สิ่งที่มีผลต่อวิธีการมองของเราและการมองของคนอื่นๆ
1.
อายุ
2.
บุคลิกภาพ (เชียร์ลีดเดอร์, ผู้ที่เอาใจใส่,
นักออกคำสั่ง, นักคิด)
3.
ภาวะจิตใจในปัจจุบันของเรา
-
การทำความเข้าใจ ≠ การเห็นด้วย
- วิธีการก้าวไปข้างหน้าในการมองต่างมุม
o
อย่าพยายามสื่อสารกัน ถ้ากำลังโมโห
o
พยายามเต็มที่เพื่อรับฟังผู้อื่น
และแสดงให้ทราบด้วยภาษาทางกาย
o
อย่างขัดจังหวะผู้อื่น หรือพูดอยู่ฝ่ายเดียว
o
อย่าจบประโยคให้ผู้อื่น
o
พยายามเข้าใจมุมมองของพวกเขาอย่างเต็มที่
o
ค้นหาว่าคุณจะสามารถเห็นด้วยกับอะไร
แทนการค้นหาว่าอะไรที่คุณไม่เห็นด้วย
o
เมื่อเขาพูดจบ คำถามแรกที่ควรถามคือ
“มีอะไรอยากเสริมอีกหรือไม่”
o
ถามคำถามเพื่อให้เกิดความเข้าใจ
ชัดเจนเสียก่อนที่จะเริ่มต้นแบ่งปันมุมมองของคุณ
ลืมกฎทองคำที่ว่า จงปฏิบัติต่อผู้อื่น เช่นเดียวกับที่คุณต้องการได้รับปฏิบัติ
เปลี่ยนเป็นจงปฏิบัติต่อผู้อื่น อย่างที่พวกเขาต้องการจะได้รับ
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการหรืออยากได้อะไรเหมือนๆ กับเรา
5. การเปลี่ยนแปลงเกิดจากการปฏิบัติ
ไม่ใช่แค่ความตั้งใจ @ จงฉวยวันนี้เอาไว้
เอาชนะนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง
- ทำไมคนเราจึงผัดวันประกันพรุ่ง
1.
การหลีกเลี่ยงความไม่สะดวก (บุคคลที่จัดการสิ่งที่ไม่สะดวกต่างๆ
มักประสบความสำเร็จเสมอ)
2.
ข้อจำกัดทางอารมณ์
3.
ความกลัวที่จะล้มเหลว
4.
ความใจเย็น
5.
ภาพลวงตาของการลงมือปฏิบัติ (ทำตัวให้ยุ่ง หลอกตัวเองให้ดูเหมือนไม่มีเวลา)
- วิธีการเอาชนะนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง
o
แค่เริ่มต้น
o
การนึกภาพความสำเร็จ
ความรู้สึกต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
o
ลงมือปฏิบัติสิ่งที่น่ารังเกียจเป็นอันดับแรก จำไว้ว่าความพ่ายแพ้ก็มีขอบเขตจำกัด
o
การให้รางวัลแก่ความก้าวหน้าของคุณ
o
การนัดหมายกับคู่ของคุณ (คู่หู คู่คิด
หรือคู่รักก็ได้)
o
ต่อต้านความใจเย็นของคุณ
- ในช่วงเย็นของแต่ละวันจงอย่าเป็นคนที่กล่าวว่า
.............ฉันน่าจะ.........ฉันน่าจะ.....
จงเป็นคนที่กล่าวว่า...................ฉันดีใจที่ได้ทำมัน......ฉันที่ใจที่ได้ทำมัน
- ทำไมไม่ลองดูล่ะ
- อย่าทิ้งความฝันของคุณไว้ในถังขยะ
จงฉวยวันนี้เอาไว้ & ผู้กล้าเท่านั้นที่จะชนะ
- แบบฝึกหัด
1.
เลือกงาน ที่คุณต้องการลงมือปฏิบัติ
2.
ทำไมมันจึงมีความสำคัญสำหรับคุณ
3.
ผลลัพธ์ของการไม่ลงมือปฏิบัติคืออะไร
4.
จินตนาการ
ความรู้สึกเมื่อสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ “แล้วถ้าเราทำได้ล่ะ”
5.
การผัดวันประกันพรุ่งแบบใด
ที่กำลังขัดขวางความก้าวหน้าของคุณอยู่
6.
คุณจะลงมือปฏิบัติอย่างไร
เพื่อรับมือกับประเด็นดังกล่าว
6. สร้างและสนุกสนานกับชีวิตที่ออกแบบเองได้ @ วิธีออกแบบชีวิตตนเอง
-
แนวคิดต้องห้าม = อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นและไม่อาจควบคุมได้
-
อนาคตแบบไหนที่คุณต้องการ ?
-
ถ้าย้อนกลับไปในชีวิตได้คุณจะทำอะไรให้แตกต่างออกไป
- คำถามตรวจสอบว่าเราออกแบบสร้างอนาคตของเราหรือยัง
1.
คิดหรือไม่ว่า
ความสำเร็จนั้นมีความหมายอะไรกับคุณ
2.
มีเป้าหมายชัดเจน
และเฉพาะเจาะจงสำหรับสิ่งที่ต้องการหรือไม่
3.
เคยแบ่งปันเป้าหมายให้คนใกล้ชิดฟังบ้างหรือไม่
4.
มีแผนการสำหรับการบรรลุเป้าหมายหรือไม่
5.
เคยนึกถึงความทรงจำที่คุณต้องการให้ครอบครัว
และเพื่อนๆ คุณนึกถึงเมื่อคิดถึงคุณหรือไม่
-
อย่าเปลี่ยนเป้าหมายให้เข้ากับชีวิต แต่จงปรับเปลี่ยนชีวิตให้เข้ากับเป้าหมาย
- การมองหานิยามความสำเร็จ ระบุความหมายในประเด็นต่างๆ ต่อไปนี้
1.
หน้าที่การงานการเงิน =..............................
2.
ความสัมพันธ์ =.........................................
3.
การพักผ่อน ร่างกาย จิตใจ = ..................................
4.
การสนับสนุนผู้อื่น =
........................................
-
คุณต้องการได้รับอะไรในอีก
6 เดือน 12 เดือน ข้างใน ในประเด็นข้างต้น
-
งาน 10 อย่างที่คุณต้องการทำให้สำเร็จก่อนจากโลกนี้ไป
คำถามช่วยให้กำหนดความตั้งใจอยู่กับสิ่งทีคุณต้องการได้รับ
1.
ทำไมเป้าหมายนี้จึงมีความสำคัญกับคุณ
2.
การบรรลุเป้าหมายนี้ได้
มีความหมายต่อคุณอย่างไร
3.
คุณกำลังอยู่ ณ จุดใดในการเดินทางไปสู่เป้าหมาย
มันเป็นจริงได้ไหม ต้องใช้เวลาเท่าไหร่
4.
คุณต้องการทรัพยากรอะไร เพื่อสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมาย
5.
อะไรคือสิ่งที่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเดี๋ยวนี้,
ขั้นตอนถัดไปคืออะไร, หลังจากนั้นคืออะไร, มีเวลาเท่าไหร่
-
เริ่มต้นจากจุดที่คุณอยู่ เริ่มต้นจากสิ่งที่คุณมีและอย่าคลาดสายตาไปจากความฝันของคุณเป็นอันขาด
บทสรุปปรัชญาSUMO
1. การแสดงความรับผิดชอบต่อชีวิตของเรา2. การควบคุมความคิดของเรา พัฒนาแนวคิดเชิงบวก3. การทำความเข้าใจผลกระทบจากความล้มเหลว และเรียนรู้มัน4. การเพิ่มระดับความเข้าใจ และความตระหนักต่อโลกของผู้อื่น5. การเปลี่ยนแปลงเกิดจากการปฏิบัติ ไม่ใช่แค่ความตั้งใจ6. สร้างและสนุกกับชีวิตที่ออกแบบเองได้
สรุปและเรียบเรียงจากหนังสือปรัชญาซูโม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น