Outliers คือ สุดยอดหนังสือ How
to ที่ช่วยเปิดโปงให้เห็นว่า เหตุใดคนที่ฉลาดเฉียบแหลมที่สุด
จึงยังไม่ใช่ผู้ชนะตัวจริงของทุกสมรภูมิการแข่งขัน และหาก “ชัยชนะ”
เป็นสิ่งหอมหวานยั่วยวนสำหรับคุณ
ก็ต้องรู้จักเปิดหูเปิดตาเพื่อค้นหา “ปัจจัยซ่อนเร้น”
ที่บางครั้งก็ธรรมดาสามัญมากๆ จนทุกคนมองข้ามไป และเมื่อสามารถเข้าไปยึดกุมปัจจัยทั้งหลายได้แล้ว
“เทพีแห่งโชค” ย่อมยืนอยู่เคียงข้างคุณ
Malcolm Gladwell ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้
คือ อัจฉริยะในการเล่าเรื่อง ที่ร้อยปียากพบพาน
แต่น่าเสียดายที่ผู้เขียนเพียงแต่ชี้ให้เห็นถึง “ปัจจัย”
มากมายที่มีผลต่อความสำเร็จ โดยไม่ได้บอกกล่าวถึง “วิธีการ” ในการครอบครองปัจจัยเหล่านั้น
ซ้ำร้ายกว่านั้น ผู้เขียนยังมักจะโยนความผิดให้กับ “โชคชะตา”
ที่ดลบันดาลให้คนบางคนได้รับปัจจัยเหล่านั้นมาโดยบังเอิญ
“ความสำเร็จทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นได้
หากรู้จักวางกลยุทธ์”
1. คัดเลือก “สนามรบ” เพื่อฝึกฝนให้ครบ 10000 ชั่วโมง
Outliers ได้เผยให้เห็นว่า นักกีฬา
นักดนตรี ที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าอาศัย “พรสวรรค์” เป็นใบเบิกทางนั้น แท้จริงแล้วเกิดจาก “โอกาส”
ทั้งโดยบังเอิญและจงใจที่เอื้อให้ “พวกเขา”
ได้รับ “สิทธิพิเศษ” ในการฝึกฝนจนครบ
10000 ชั่วโมง
ซึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำของผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน
แต่หากเราเกิดในช่วงปลายปีซึ่งทำให้
“เสียเปรียบ” ในการคัดเลือกตัวนักกีฬา
และยังไม่มีโอกาสในการฝึกซ้อมดนตรีร่วมกันวันละ 8 ชั่วโมงในเมือง
“ฮัมบูรก์” เหมือนวงดนตรี The
Beatles เราควรจะทำอย่างไรกับชีวิตที่เต็มไปด้วยความเสียเปรียบเช่นนี้
?
โชคดี ! ที่ฟ้าประทาน “โลกาภิวัตน์” ทำให้คนธรรมดามี
“ทางเลือก” ในการแข่งขันได้มากมายเช่นนี้
คนที่เสียเปรียบในสนามแข่งขันอันหนึ่ง จึงสามารถเลือก “สนามอื่น”
เพื่อฝึกฝนตนเองให้ครบ 10000 ชั่วโมง
กีฬาบางประเภทต้องเล่นเป็นทีม
ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาการคัดตัวของโรงเรียน เพื่อสร้างโอกาสในการฝึกฝนลับคมฝีมือ
แต่ก็ยังมีกีฬาอีกมากมายที่สามารถฝึกฝนโดยใช้ความขยันหมั่นเพียรส่วนบุคคล
เพื่อแซงหน้าเข้าสู่ทีมชาติในอนาคตได้
หากไม่มีโอกาสที่เอื้ออำนวยให้ฝึกซ้อม
“วงดนตรี” อย่างเอาเป็นเอาตายเหมือน
The Beatles แต่ยุคสมัยนี้ก็สามารถฝึกฝนเพียงลำพังเพื่อให้ครบ
10000 ชั่วโมง เพื่อเป็น “ศิลปินเดี่ยว”
ได้ไม่ยากนัก
แน่นอนว่า Bill Gates คือ ผู้โชคดีที่ได้เกิดในช่วงปี 1952-1958
ทำให้เหมาะสมในการบุกเบิกตลาดคอมพิวเตอร์ซึ่งจะเติบโตยิ่งใหญ่ในอนาคต
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่เกิดในช่วงเวลาที่ไม่อยู่ในเกณฑ์นี้
จะไม่สามารถร่ำรวยมหาศาลได้โดยการสร้างตัวจากอุตสาหกรรมประเภทอื่นที่ตนเองมีความถนัดมากกว่า
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือ
การมองหา “งานที่รัก” เพื่อให้สามารถ
“จดจ่อ” ตัวเองในการฝึกฝนฝีมือจนครบ 10000
ชั่วโมง
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากตัวเราไม่มีความหลงใหลอย่างเพียงพอ
ตัวเลข 10000 ชั่วโมง ยังมีความหมายที่ลึกซึ้งว่า
มนุษย์มีความจำกัดที่จะเชี่ยวชาญได้เพียงไม่กี่เรื่อง ดังนั้น
ก่อนที่จะตัดสินใจที่จะเติบโตในอาชีพใด ก็ควรที่จะคำนวณทางหนีทีไล่ให้ดีเสียก่อน
หากค้นพบว่า ยังขาดคุณสมบัติที่เหมาะสม ก็ควรจะถอนตัวออกมาจากกิจกรรมนั้น
เพื่อรักษา “เวลา” สำหรับฝึกฝน 10000
ชั่วโมงที่ตัวเราสามารถเป็น “เจ้าสนาม”
ได้อย่างแท้จริง
2. สร้างประโยชน์จาก
“เครือข่ายรอบตัว”
Chris Langan มีไอคิว 195 ซึ่งเหนือกว่า “ไอนสไตน์” ที่มีไอคิว
150 แต่คนทั้งโลกกลับรู้จักและยกย่องความอัจฉริยะของไอนสไตน์
ในขณะที่แทบจะไม่มีใครเคยได้ยินชื่อของ Chris Langan หากเขาไม่ได้คัดเลือกมาเล่นเกมโชว์ที่โด่งดังของอเมริกา
Chris Langan โชคร้าย !
ที่เกิดมาในสภาพแวดล้อมแห่งความยากไร้และขาดแคลน เขาจึงไม่มีโอกาสได้ฝึกฝน “ศิลปะการเล่าเรื่อง (Story Telling)” ที่ทำให้ Oppenheimer
นักฟิสิกส์อัจฉริยะรุ่นเดียวกับไอนสไตน์ รอดพ้นจากการถูกไล่ออกจากโรงเรียน
และสามารถใช้ “วาทศิลป์” ในการโน้มน้าวให้
“ผู้มีอิทธิพล” ในโครงการสร้างระเบิดปรมาณูแห่งสงครามโลกครั้งที่
2 แต่งตั้งเขาเป็นหัวหน้าโครงการ
ทั้งๆที่อาจจะมีนักฟิสิกส์คนอื่นที่เหมาะสมกว่าก็ตาม
“ไอคิว 150 ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลกแล้ว”
ที่เหลือล้วนแต่เป็นทักษะประเภทอื่น เช่น ศิลปะการเล่าเรื่อง
ซึ่งกลายเป็น “ปัจจัยตัดสิน” ที่โน้มน้าวใจให้
“เครือข่ายรอบตัว” สนับสนุนทรัพยากรให้ตัวเราใช้เป็นทุนรอนในการสร้างฝันให้เป็นจริง
หากว่า Chris Langan ได้รับรู้ “สัจธรรม”
ที่ล้ำลึกนี้ ตั้งแต่สมัยเป็นนิสิตนักศึกษา โลกใบนี้ก็อาจมี “ไอนสไตน์” คนที่ 2 ก็เป็นได้
Bill Gates ไม่ใช่ยอดฝีมืออันดับ 1
ด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่เขามี “ทักษะอื่นๆ”
ที่จำเป็นในการสร้าง “ไมโครซอฟต์” ให้กลายเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
และยังทำให้เขาเป็นเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันหลายปี
“ไมโครซอฟต์” ไม่ได้ผลิตซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดในโลก
แต่เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำเงินที่สุดในโลก
ไทเกอร์ วูดส์
ในสมัยที่ยังไม่ได้ขึ้นแท่นเป็น “นักกอล์ฟอันดับ
1 ของโลก” ก็ยังสามารถทำเงินได้มากกว่าคนที่มีอันดับสูงกว่า
เนื่องเพราะ “วงสวิง” ที่สวยงามของไทเกอร์วูดส์ถูกใจผู้ชมมากกว่านักกอล์ฟอื่นใด
ไมค์ ไทสัน
ในยามตกอับก็ยังสามารถได้รับ “ค่าตัว”
ที่สูงกว่า “แชมป์โลก” บางคน
เนื่องเพราะลีลาการชกที่ดุดันและชื่อเสียงในอดีตของเขานั้น
ได้ติดตราตรึงใจแฟนมวยมิรู้ลืม
10000 ชั่วโมงแรก
ต้องเลือกที่จะทุ่มเทให้ “ทักษะเฉพาะทาง” หากทว่า 10000 ชั่วโมงถัดจากนี้
จะต้องบริหารให้ดีระหว่าง “ทักษะเฉพาะทาง” หรือ “ทักษะสนับสนุน” เพื่อให้ตัวเราสามารถบรรลุความฝันในสนามแข่งขันที่ได้เลือกเฟ้นมาอย่างดีแล้ว
3. สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงานเป็นทีม
The Beatles โชคดี ! ที่ได้ไปเล่นดนตรีในเมือง
“ฮัมบูร์ก” จึงสามารถฝึกฝนทักษะการเล่นดนตรีร่วมกันจนครบ
10000 ชั่วโมง
แต่เบื้องหลังความสำเร็จในการปลุกปั้น
“4 เต่าทอง” จนบรรลุพรสวรรค์ล้ำเลิศในการเล่นดนตรีร่วมกัน
คือ ยอดชายเหนือชายที่ชื่อ Brian Epstein ซึ่งรับหน้าที่ “ผู้จัดการทีม” ตั้งแต่ The Beatles ยังเป็นวงดนตรีข้างถนนอยู่ในเมืองลิเวอร์พูล
ภายหลังการเสียชีวิตของ Brian Epstein ในปี 1967 ได้ทำให้
The Beatles เกิดความระส่ำระสายครั้งใหญ่
ทั้งในเชิงการบริหารจัดการเงินและความรู้ด้านธุรกิจ แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ
การเป็น “พี่เลี้ยง” ที่เปรียบเสมือนเพื่อนและพ่อของ
Brian Epstein ที่คอยเป็น “กาวใจ”
ประสานให้ 4 หนุ่มแห่งเมืองลิเวอร์พูลสามารถทำงานกันได้อย่างรื่นรมย์
แน่นอนว่า The Beatles ได้ผ่านชั่วโมงบินมาเกิน 10000
ชั่วโมงไปไกลโขแล้ว
จึงสามารถใช้ทุนรอนทางดนตรีส่วนตัวในการผลิตผลงานยิ่งใหญ่ไปได้อีกหลายเพลา
แต่ถึงที่สุด พรสวรรค์ทางดนตรีของแต่ละคนก็ไม่สามารถที่จะเจิดจ้าถึงที่สุดในฐานะThe
Beatles ได้อีกต่อไป จึงต้องอำลาจากกันอย่างขมขื่นในปลายปี 1969
สายการบิน Korean Air ได้ชื่อว่าเป็นสายการบินที่ประสบอุบัติเหตุสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก
ทั้งๆที่ทักษะของนักบินไม่ได้ด้อยกว่าสายการบินอื่นๆเลย
Outliers ได้สรุปให้เห็นอย่างน่าเชื่อว่า
“วัฒนธรรมอำนาจ” ได้ขัดขวางการทำงานเป็นทีมของเหล่านักบิน
จึงทำให้ “ความสามารถเฉพาะตัว” ของแต่ละคนไม่สามารถแสดงศักยภาพได้ตามที่ควรจะเป็น
การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร
เช่น การบังคับให้พนักงานทุกคนใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
ได้ทำให้ลดช่องว่างในการสื่อสารตามลำดับชั้นตามแบบวัฒนธรรมเกาหลี
จึงทำให้ความเชี่ยวชาญของแต่ละคนสามารถทำงานประสานเสริมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อัจฉริยภาพที่เกิดจากการฝึกฝน
10000 ชั่วโมง
จะไม่สามารถบรรลุศักยภาพสูงสุดได้ หากไม่ละเอียดอ่อนเพียงพอที่จะมองเห็น “สายใยเล็กๆ” ที่เชื่อมร้อย 10000 ชั่วโมงของเรา ให้สั่นพ้องกับ 10000 ชั่วโมงของ “ผู้อื่น” ในทีมงานเดียวกัน
โชคร้าย ! คือ
ทีมงานที่ดีมีจำกัด และบางครั้งเราอาจเป็นนักบินที่ต้องสังเวยชีวิต ก่อนที่ Korean Air จะเรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหาง่ายๆเช่นนี้
ดังนั้น วิธีที่ฉลาดกว่า คือ การย้ายจาก Korean Air ไปทำงานในสายการบินที่มีสถิติของอุบัติเหตุน้อยกว่านี้
จงใช้ 10000 ชั่วโมงแห่งความชำนาญ
ในการเจรจาต่อรองเพื่อพาตัวเองเข้าไปสู่ทีมงานที่มี “สายใยเล็กๆ”
ซึ่งแข็งแกร่งเหนียวแน่นที่สุด
4. จงเป็น Outliers
ในสาขาที่ Outliers
โชคร้าย ! ที่ภาษาอังกฤษ
ไม่เอื้ออำนวยในการฝึกฝนวิชาคณิตศาสตร์
จึงทำให้คนจีนมีความสามารถด้านคณิตศาสตร์เหนือล้ำกว่าคนตะวันตก
แต่ความโชคร้ายนี้
ก็ไม่ควรทำให้ “ใคร” ต้องท้อถอย
เพราะจะเห็นว่า การประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น ไม่ได้ตัดสินชี้ขาดที่ “คณิตศาสตร์”
แน่นอนว่า Bill Gates ยอดชายที่รวยที่สุดในโลกอาจจะมีทักษะทางคณิตศาสตร์ดีเยี่ยม
แต่สิ่งที่ทำให้เขารวยที่สุดในโลก คือ การเป็น Outliers ในอุตสาหกรรมไอที
ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ Outliers ในการเติบโตและทำเงินที่สุดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
ยิ่งกว่านั้น
เนื้อหาที่นำเสนอในหนังสือ “Outliers” ยังถูกโจมตีจาก
“ผู้รู้” ในหลายสาขาวิชาว่าอาจจะไม่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงทั้งหมด
ดังนั้น
คุณูปการของหนังสือเล่มนี้ จึงไม่ได้อยู่ที่ความถูกต้องของเนื้อหา แต่อยู่ที่ “วิธีคิด” ในการมองโลกด้วยสายตาที่
“แตกต่าง” เพื่อจะค้นหา “ปัจจัยเล็กๆ” ที่ถูกละเลยมองข้ามไป
ซึ่งอาจจะกำหนดชะตากรรมความสำเร็จล้มเหลวของชีวิตคุณ
หน้าที่ในการมองหา “กลยุทธ์” เพื่อนำพาชีวิตเข้าสู่การเป็น
Outliers ไม่ใช่หน้าที่ของหนังสือ “Outliers” แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ไม่ยอมจำนนต่อ “โชคชะตา”
หากปรารถนาจะลิ้มรสอันหอมหวานในการยกระดับชีวิตธรรมดาที่แสนน่าเบื่อให้กลายเป็น
Outliers ที่คนทั้งโลกต้องจับตามองอย่างชื่นชม
ขอขอบคุณ บทความดีดี จาก siamintelligence.com ชุมชนปัญญาชน ทั้งเรื่องกลยุทธ์ เศรษฐกิจ การเมือง
ที่นำมาแปล และย่อย ให้อ่านนะครับ
ที่นำมาแปล และย่อย ให้อ่านนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น