8 กรกฎาคม 2552

ทฤษฎีของโหราศาสตร์และการนำมาใช้

ทฤษฎีของโหราศาสตร์และการนำมาใช้
ทฤษฎีแรงส่งจากดวงดาว
-   เชื่อว่าดวงดาวมีแรงส่งทำให้มีผลเกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตบนโลก ในทางวิทยาศาสตร์กล่าวว่าดวงดาวทั้งหลายมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าส่งออกมาและจะเปลี่ยนแปลงไปตามการเคลื่อนที่ของวัตถุบนฟากฟ้า ระบบประสาทของมนุษย์จะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้านั้น
-   รังสีที่แผ่จากอวกาศมาสู่โลกเกิดจากดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ต่างๆมีผลต่อโครโมโซมของเซลล์ซึ่งเป็นตัวรับสัญญาณไฟฟ้าจักรวาล โดยนำมาแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าอันเป็นแรงลึกลับเรียกว่า ชีวิต และอธิบายได้ว่าเซลล์สมองทำหน้าที่เหมือนเสาอากาศในการรับสัญญาณที่แผ่มาจากดวงดาวเหมือนเสาวิทยา ซึ่งเป็นไปตามหลักทฤษฎีควอนตัม (สรรพสิ่งในโลกเป็นเพียงกลุ่มของอนุภาคหรือคลื่นมากมาย ต่อเชื่อมเรียงกันไปเสมือนเนื้อเดียวกันตลอดทั่วทั้งจักรวาล ซึ่งจะมีการปฏิสัมพันธ์กันได้เสมอ การเปลี่ยนแปลงอนุภาคหนึ่งย่อมมีผลต่ออีกอนุภาคหนึ่งได้ ไม่ว่าจะอยู่ไกลกันสักเพียงใด


ทฤษฎีองค์รวม Holistic
-   อธิบายว่าทุกสิ่งในจักรวาลรวมกันเป็นระบบเดียว ภายในระบบใหญ่ มีระบบโครงสร้างย่อยๆ รูปแบบ และความเป็นไปสอดคล้องกับระบบใหญ่ โครงสร้างจักรวาลมีลักษณะคล้ายโครงสร้างอะตอม เรียกความสอดคล้องกันนี้ว่า ซิงโครนิซิตี้ (synchronicity)
-   เหตุการณ์บังเอิญหลายครั้งเกิดอย่างมีความหมายสอดคล้องกันโดยไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน ภาพของแม่แบบ(archetype) ในฝันอาจเกิดขึ้นสอดคล้องกับเหตุภายนอก แม่แบบไม่ได้อยู่ในโลกของจิตเท่านั้นแต่อาจรุกข้ามเขตมาปรากฏในโลกภายนอกได้ (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยเมื่อจิตสำนึกมีกำลังอ่อน และจิตใต้สำนึกมีกำลังกว่า)


หลักการพยากรณ์ของโหราศาสตร์
-   ความรู้ทางโหราศาสตร์เกิดจาก การสังเกตเทหวัตถุบนท้องฟ้าของคนโบราณ และบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลก เก็บเป็นสถิติจนเกิดเป็นองค์ความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ (empirical knowledge)
-   สิ่งที่โหราศาสตร์ศึกษาคือ
-   ดาวเคราะห์ ความหมายของดาว การโคจรของดวงดาว
-   จักรราศี ธาตุประจำราศี ความหมายของธาตุ อิทธิพลของสัญลักษณ์และความหมาย
-   เรือนชะตา มุมสัมพันธ์
-   การแปลความหมาย มีสองแนวทางคือ เน้นเหตุการณ์ กับเน้นบุคคลเป็นศูนย์กลาง
-   ดวงชะตาเปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่สามารถเจริญเติบโตตามศักยภาพของบุคคลนั้น ซึ่งบุคคลอาจไม่ได้พัฒนาถึงจุดที่สูงสุดของศักยภาพก็ได้ ไม่มีดวงดี ร้าย ทุกปัจจัยในดวงชะตามีความสัมพันธ์กัน
-   แบบเน้นเหตุการณ์ เชื่อว่ามนุษย์มีพรหมลิขิต ส่วนแบบเน้นบุคคลเป็นศูนย์กลางเชื่อว่ามนุษย์มีเสรีภาพที่จะเลือกจะทำ (freedom of will ) ดวงดาวบอกแนวโน้มเท่านั้นไม่ได้มีอำนาจกำหนด


โหราศาสตร์ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรหมลิขิต (fate) หรือโชคชะตา (luck) แต่เกี่ยวกับความน่าจะเป็น ความโน้มเอียงในการกระทำและศักยภาพ [ ดวงดาวทั้งหลายเพียงแค่แนวโน้ม ไม่ได้บังคับ, the stars impel,not compel ]

สรุปจากหนังสือคิดใหม่ โหราศาสตร์หลังนวยุค (กันยาวีร์ สัทธาพงษ์)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น