ทฤษฎีของโหราศาสตร์และการนำมาใช้
ทฤษฎีแรงส่งจากดวงดาว
- เชื่อว่าดวงดาวมีแรงส่งทำให้มีผลเกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตบนโลก
ในทางวิทยาศาสตร์กล่าวว่าดวงดาวทั้งหลายมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าส่งออกมาและจะเปลี่ยนแปลงไปตามการเคลื่อนที่ของวัตถุบนฟากฟ้า
ระบบประสาทของมนุษย์จะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้านั้น
- รังสีที่แผ่จากอวกาศมาสู่โลกเกิดจากดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ต่างๆมีผลต่อโครโมโซมของเซลล์ซึ่งเป็นตัวรับสัญญาณไฟฟ้าจักรวาล
โดยนำมาแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าอันเป็นแรงลึกลับเรียกว่า ชีวิต
และอธิบายได้ว่าเซลล์สมองทำหน้าที่เหมือนเสาอากาศในการรับสัญญาณที่แผ่มาจากดวงดาวเหมือนเสาวิทยา
ซึ่งเป็นไปตามหลักทฤษฎีควอนตัม (สรรพสิ่งในโลกเป็นเพียงกลุ่มของอนุภาคหรือคลื่นมากมาย
ต่อเชื่อมเรียงกันไปเสมือนเนื้อเดียวกันตลอดทั่วทั้งจักรวาล
ซึ่งจะมีการปฏิสัมพันธ์กันได้เสมอ
การเปลี่ยนแปลงอนุภาคหนึ่งย่อมมีผลต่ออีกอนุภาคหนึ่งได้
ไม่ว่าจะอยู่ไกลกันสักเพียงใด
ทฤษฎีองค์รวม Holistic
- อธิบายว่าทุกสิ่งในจักรวาลรวมกันเป็นระบบเดียว
ภายในระบบใหญ่ มีระบบโครงสร้างย่อยๆ รูปแบบ และความเป็นไปสอดคล้องกับระบบใหญ่
โครงสร้างจักรวาลมีลักษณะคล้ายโครงสร้างอะตอม เรียกความสอดคล้องกันนี้ว่า
ซิงโครนิซิตี้ (synchronicity)
- เหตุการณ์บังเอิญหลายครั้งเกิดอย่างมีความหมายสอดคล้องกันโดยไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน
ภาพของแม่แบบ(archetype)
ในฝันอาจเกิดขึ้นสอดคล้องกับเหตุภายนอก
แม่แบบไม่ได้อยู่ในโลกของจิตเท่านั้นแต่อาจรุกข้ามเขตมาปรากฏในโลกภายนอกได้ (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยเมื่อจิตสำนึกมีกำลังอ่อน
และจิตใต้สำนึกมีกำลังกว่า)
หลักการพยากรณ์ของโหราศาสตร์
- ความรู้ทางโหราศาสตร์เกิดจาก
การสังเกตเทหวัตถุบนท้องฟ้าของคนโบราณ และบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลก
เก็บเป็นสถิติจนเกิดเป็นองค์ความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ (empirical
knowledge)
- สิ่งที่โหราศาสตร์ศึกษาคือ
- ดาวเคราะห์ ความหมายของดาว การโคจรของดวงดาว
- จักรราศี ธาตุประจำราศี
ความหมายของธาตุ อิทธิพลของสัญลักษณ์และความหมาย
- เรือนชะตา มุมสัมพันธ์
- การแปลความหมาย
มีสองแนวทางคือ เน้นเหตุการณ์ กับเน้นบุคคลเป็นศูนย์กลาง
- “ดวงชะตาเปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่สามารถเจริญเติบโตตามศักยภาพของบุคคลนั้น
ซึ่งบุคคลอาจไม่ได้พัฒนาถึงจุดที่สูงสุดของศักยภาพก็ได้ ไม่มีดวงดี ร้าย
ทุกปัจจัยในดวงชะตามีความสัมพันธ์กัน”
- แบบเน้นเหตุการณ์
เชื่อว่ามนุษย์มีพรหมลิขิต ส่วนแบบเน้นบุคคลเป็นศูนย์กลางเชื่อว่ามนุษย์มีเสรีภาพที่จะเลือกจะทำ
(freedom of will )
ดวงดาวบอกแนวโน้มเท่านั้นไม่ได้มีอำนาจกำหนด
โหราศาสตร์ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรหมลิขิต
(fate) หรือโชคชะตา (luck) แต่เกี่ยวกับความน่าจะเป็น
ความโน้มเอียงในการกระทำและศักยภาพ [ ดวงดาวทั้งหลายเพียงแค่แนวโน้ม
ไม่ได้บังคับ, the stars impel,not compel ]
สรุปจากหนังสือคิดใหม่
โหราศาสตร์หลังนวยุค (กันยาวีร์ สัทธาพงษ์)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น